หลังจากที่รอคอยกันมานาน สำหรับโปรเจกต์ซีรีส์ชุดล่าสุดจาก Studio Wabisabi อย่าง 7 Project ที่มีเรื่องราวให้ได้ติดตามกันถึง 7 ตอนแตกต่างกัน โปรเจกต์นี้ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง ‘นิว – ศิวัจน์ สวัสดิ์มณีกุล’ ผู้ที่เคยฝากฝีมือการกำกับซีรีส์มาหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น ด้ายแดง Until We Meet Again series, บังเอิญรัก Love by Chance และอื่น ๆ
ในบทความนี้เราจะขอพาทุกคนย้อนไปช่วงชีวิตในวัยมัธยมปลายกันสักหน่อย กับซีรีส์ตอน Would You Be My Love ตอนแรกจาก 7 Project ที่ได้คู่จิ้นคู่ใหม่อย่าง ‘เอิร์ธ กัษมนณัฎฐ์’ และ ‘แซนต้า พงศภัค’ มาแสดงคู่กัน แม้จะเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ ‘แซนต้า – เอิร์ธ’ ได้แต่เคมีของพวกเขาก็เข้ากันสุด ๆ ทำเอาแฟนคลับอินทั้งในจอและนอกจอเลยทีเดียว
ในตอน Would You Be My Love เป็นเรื่องราวของ ‘โอโซน’ (เอิร์ธ กัษมนณัฎฐ์) ที่เป็นคนเงียบ ๆ ขี้อาย บุคลิกออกหวาน ๆ และ ‘ซัน’ (แซนต้า พงศภัค) ที่ดูเหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไป ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ซึ่งทั้งคู่ได้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งกลางคันพร้อม ๆ กัน ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกัน แถมยังได้นั่งข้างกันไปอีก ซึ่งในห้องนี้ก็ดันมี ‘ธันวา’ (โอ ภูวนัย) กับ ‘รัน’ (ทีป้อ กฤษฏิ์) เป็นหัวโจกประจำห้องที่จ้องแต่จะแกล้งเด็กใหม่อย่างโอโซนอยู่ตลอด ด้วยความที่โอโซนเป็นคนเงียบไม่สู้คน สองคนนี้จึงพยายามหาเรื่องโอโซนสารพัด เริ่มเรื่องก็หลอกโอโซนไปขังอยู่ในห้องเก็บของของหอพักจนซันมาเจอกลางดึกจึงช่วยเปิดประตูออกมาและปลอบโอโซนที่กำลังตกใจกลัว เหตุการณ์นี้ทำให้ตัวเอกของเรื่องรู้จักและสนิทกันมากขึ้น
แต่หัวโจกตัวร้ายอย่างธันวาและรันพอได้เห็นซันและโอโซนสนิทกันก็เริ่มล้อว่าเป็นแฟนกันบ้าง หาเรื่องแกล้งบ้าง อยู่ไม่เป็นสุขกันเลยจริง ๆ จ้าสองคนนี้ แต่ดันมีคืนนึงที่ซันได้ชวนโอโซนออกไปเดินเล่นและนอนดูดาวที่สนามกีฬาในโรงเรียน และทั้งคู่ได้เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีตอนเช้าแล้ว พอรู้สึกตัวก็รีบพากันกลับไปที่หอพักเพื่อเตรียมตัวไปเข้าเรียน แทนก็ดันมาเห็นทั้งสองคนกลับมาพร้อมกันแล้วก็เอาไปล้ออีก
แม้ความสัมพันธ์ของซันและโอโซนจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็กลับมีปมทำให้พวกเขาต้องห่างกันพักอยู่พักใหญ่ไปอีก เนื่องจากหัวโจกเจ้าเดิมอย่างแทนและรันอยากจะพิสูจน์ความสนิทของซันและโอโซนด้วยการบังคับให้โอโซนไปเป็นโกลและให้เพื่อน ๆ เตะบอลใส่ แถมยังจะชวนให้ซันมาเตะบอลใส่โอโซนไปอีก แม้ว่าซันจะไม่ได้เตะบอลใส่โอโซน และเดินหนีไปเพราะหงุดหงิดกับพฤติกรรมของสองแสบ แถมเรื่องนี้ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยช่วยเพื่อนจากการทะเลาะกันแต่ดันถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนแกล้งเพื่อนจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าซันมีเรื่องอะไรในใจ เพราะเอาแต่คิดคนเดียวแถมไม่ได้ช่วยโอโซนจากการถูกแกล้งอย่างจริง ๆ จัง ๆ อีก จึงทำให้โอโซนมานึกเสียใจไม่คุยกับซันไปพักใหญ่เลยทีเดียว
คาร์แรกเตอร์แอบดี และชวนหมั่นไส้
องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของซีรีส์เรื่องหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้น คาร์แรกเตอร์ของตัวละครที่ช่วยเสริมให้เนื้อเรื่องน่าติดตามมากขึ้นไปอีกหลายเท่า สำหรับตอน Would You Be My Love นี้ มีตัวละครหลักคือ ‘ซัน’ และ ‘โอโซน’ ก่อนอื่นก็ต้องพูดถึงพระเอกของเรื่องอย่าง ‘ซัน’ กันก่อนเลย โดยคาร์แรกเตอร์ของซันเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก คิดอะไรในใจก็ไม่พูดออกมา ดู ๆ ไปแล้วก็ให้ฟีลพระเอกเย็นชา และปากแข็ง ที่ซึ่งเป็นคาร์แรกเตอร์สุดกร้าวใจตรงสเป็กของสาว ๆ หลายคน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าความนิ่งของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ทำเอาคนดูอย่างเราแอบขัดใจอยู่หน่อย ๆ บางทีก็ดูเป็นคนอบอุ่นสะเหลือเกิน แต่บางทีก็นิ่งจนทำให้คนรอบข้างดูไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงทำให้ผิดใจกับนายเอกของเรื่องอย่างโอโซนอยู่หลายที
มาต่อกันที่คาร์แรกเตอร์นายเอกของเรื่องอย่าง ‘โอโซน’ กันบ้าง ด้วยความที่เจ้าของบทบาทโอโซนอย่างเอิร์ธมีใบหน้าที่หวานปานน้ำผึ้งอยู่แล้ว การวางคาร์แรกเตอร์ให้เป็นคนหวาน ๆ นุ่มนิ่มน่าทะนุถนอมก็เข้ากันได้ดีเลยทีเดียว พูกอีกอย่างหนึ่งคือโอโซนมีคาร์แรกเตอร์เป็น LGBTQ+ นั่นเอง โดยโอโซนจะมีความเฟรนลี่มากกว่าซันอยู่นิดหน่อยด้วยการพยายามปรับตัวและพยายามทำความรู้จักกับซันที่เป็นเด็กใหม่เหมือนกันด้วยการชวนคุย ชวนไปกินข้าว แต่ด้วยความที่เป็นคนขี้อายดูไม่สู้คนของโอโซนจึงทำให้โดนรังแกอยู่ตลอด
คาร์แรกเตอร์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือสองหัวโจกของห้องอย่าง ‘รัน’ และ ‘ธันวา’ ที่วัน ๆ จ้องแต่จะหาเรื่องแกล้งโอโซนอยู่ตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่าหมั่นไส้ และอยากให้เผยตัวตนออกมาให้คนอื่นได้รับรู้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ได้ดูก็คงจะมีความรู้สึกเหมือนกันว่า คนที่น่าหมั่นไส้ที่สุดก็คือสองหัวโจกที่แหละ แกล้งนายเอกสุดนุ่มนิ่มของเราสารพัด ทั้งจับขังในห้องเก็บของ ลากไปอาบน้ำ แถมยังเตะบอลใส่เขาอีก เห็นแล้วอยากจะซื้อบัตรทุบหลังเรียกสติรันและแทนสักหน่อย
พล็อตเรื่องตีแผ่การถูกบูลลี่
หลังจากที่พูดถึงเรื่องย่อและคาร์แรกเตอร์ของซีรีส์ตอน Would You Be My Love กันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าตัวละครหลักของเรื่องอย่าง ‘ซัน’ และ ‘โอโซน’ มีเบื้องลึกเบื้องหลังก่อนที่จะย้ายอยู่ที่โรงเรียนประจำ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่โอโซนโทรคุยกับพี่ชายผ่านทางโทรศัพท์หรือตอนที่ซันนึกถึงเหตุการณ์ที่โรงเรียนเก่า ที่ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการที่พวกเขาย้ายมาเรียนที่นี่กลางคันนั้นเป็นเพราะถูกส่งมาดัดนิสัยนั่นเอง เนื่องจากการย้ายมาโรงเรียนประจำ หมายถึงการที่ไม่มีครอบครัวคอยดูแล ต้องทำอะไรด้วยตัวเองแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะต้องอาศัยอยู่ที่หอพักของโรงเรียน และกลับบ้านได้เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งในช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์
แน่นอนว่าต้องมีคนอื่น ๆ ที่ถูกส่งมาเรียนที่โรงเรียนประจำเพื่อถูกดัดนิสัยด้วยเช่นกัน แต่การส่ง มาโรงเรียนประจำคือการแก้ปัญหาที่ถูกจุดแล้วจริงหรือ? ในซีรีส์เรื่องนี้ได้เผยให้เห็นเรื่องราวการถูกบูลลี่ในโรงเรียน การบูลลี่หรือถูกบูลลี่เป็นประเด็นที่พบเห็นกันได้บ่อยในชีวิตจริง โดยเฉพาะกับ LGBTQ+ ที่มักจะถูกเหล่าหัวโจกจ้องจะรังแกอยู่ตลอดด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นคนที่แตกต่างจากคนอื่น และอยากให้คนอื่นเกรงกลัวตัวเอง
ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากเพื่อนและกลายเป็นความรู้สึกดี ๆ
สำหรับความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักอย่าง ‘ซัน’ และ ‘โอโซน’ ในซีรีส์ตอน Would You Be My Love นี้ได้เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนที่ค่อย ๆ สนิทกัน จากการที่พวกเขามีอะไรคล้ายกัน โดยเนื้อเรื่องไม่ยัดเยียดเรื่องความรักมากจนเกินไป ทำให้ผู้ชมสามารถตีความได้สองแบบคือเรื่องราวมิตรภาพระหว่างซันที่เป็นเด็กผู้ชายนิ่ง ๆ กับโอโซนที่มีคาร์แรกเตอร์เป็น LGBTQ+ แม้ว่าจะถูกคนอื่นล้อเพราะทั้งสองได้เปิดใจให้กันจนกลายเป็นเพื่อนสนิท อย่างไรก็ตามในช่วงหลัง ๆ ที่ทั้งสองเริ่มสนิทกัน ได้พูดคุยและเป็นความสบายใจของกันและก็ใกล้จะจบเรื่องเต็มทีแล้ว เพราะตลอดทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของซันและโอโซนก็ออกจากครุมเครือ
อย่างไรก็ตามก็ยังมีฉากชวนหวีดในวันเลี้ยงส่งมาให้ได้ฟินจิกหมอนกันก่อนจะลาจออีกด้วย เนื่องจากซันเมาและได้จูบกับโอโซนไปหนึ่งทีแบบที่ต้องอุทานว่า พักหายใจกันหน่อยไหมพ่อคุณ คนดูกรี๊ดคอแตกแล้วว ฉากนี้เรียกได้ว่าชวนคนดูแอบลุ้นตัวโก่งเลยทีเดียว แต่ในตอนสุดท้ายกับฉากที่ทั้งสองกำลังจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อและกำลังยืรอให้ที่บ้านมารับอยู่ที่หน้าโรงเรียน ดูเหมือนทั้งคู่มีความในใจอะไรสักอย่างที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงการอวยพรก่อนแยกย้ายก็เท่านั้น ซึ่งนายเอกของเรื่องอย่างโอโซนก็ได้ทิ้งโน๊ตใส่มือซันไว้ ที่ซึ่งมีข้อความว่า “Would You Be My Love?” เชื่อว่าฉากนี้ก็ทำเอาคนดูแอบยิ้มตามซันกันไปเป็นแถบแน่นอน
โดยสรุปแล้วซีรีส์เรื่อง 7 Project ตอน Would You Be My Love ได้นำเสนอเรื่องราวการถูกบูลลี่ของชาว LGBTQ+ ที่เกิดขึ้นในทุกโรงเรียน นอกเหนือจากเรื่องร้าย ๆ แล้วก็ยังมีเรื่องดี ๆ อย่างการที่ได้มีเพื่อนสักคนคอยเป็นเซฟโซน เป็นความสบายใจให้กันและกัน นอกจากนั้นเนื้อเรื่องยังมีความน่ารักชวนยิ้มแฝงอยู่ตลอดเรื่องด้วยเช่นกัน ด้วยความที่เป็นซีรีส์ตอนสั้น ความยาวเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาทีเรื่องราว ความเข้นข้นของเรื่องก็อาจจะยังไม่จุใจสักเท่าไหร่นัก เนื้อเรื่องรวบรัดจบไวไปนิด แต่ก่อนจะจบก็ได้ทิ้งปมเป็นกระดาษโน๊ตที่โอโซนได้มอบให้ซัน กับข้อความว่า “Would You Be My Love?” ก็ทำเอาชวนลุ้นว่าจะมีภาคต่อที่ ‘ซัน’ และ ‘โอโซน’ ได้มาพบกันอีกหรือเปล่า บางทีความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจจะขยับขึ้นมากลายเป็น…แฟนก็เป็นได้ ใครจะไปรู้?!
รับชมซีรีส์เรื่อง 7 Project ทั้ง 7 ตอนได้ทางแอปพลิเคชัน iQIYI
บทความที่เกี่ยวข้อง
