เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมานี้ ‘Thailand Game Show‘ ได้มีการจัดประกวด Cosplay Contest Road To TGS 2022 มีผู้เข้าประกวดมากมายที่ก้าวข้ามความกลัว กล้าลุกขึ้นมาทำตามความชอบของตัวเอง และหนึ่งในนั้นคือ ‘บูม ธนกฤษ คำเงิน’ เนมคอส ‘OPplayer’

แนะนำตัวหน่อย
“สวัสดีครับ‘บูม ธนกฤษ คำเงิน’ เนมคอส ‘OPplayer’ ครับ”
ถ้าตอนนี้บูมไม่ใช่บูม มองตัวเองเป็นคนแบบไหน
“ถ้าจากมุมคนที่ไม่สนิท จะมองว่าเราเป็นคนที่เรียบร้อย เป็นคนไม่พูด นิ่ง ๆ ไม่มีสีสันอะไร”

ถ้าเป็นบูมในมุมมองของคนที่สนิท
“คนรู้จักเราจะรู้ว่าเราป็นคนที่ชอบหาสิ่งแปลกใหม่ทำตลอด มีเอนเนอร์จี้พอสมควรในเรื่องที่เราสนใจ จนคนคิดว่าทำแล้วเกินไปไหม ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบเราจะเนิร์ดมากกับสิ่ง ๆ นั้น เขาจะเห็นว่าเราจะโฟกัส เราจะพูดอยู่แค่เรื่องเดียว จะได้ยินเราบ่นว่า วันนี้จะคอสนะ นั่งวิเคราะห์ว่ากรรมการจะชอบอะไร ชอบแบบไหน จนเพื่อนพูดว่า พอก่อนไหม”
ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จัก จะถูกมองว่าเรียบร้อย
“ใช่ครับ แต่ความจริงเราเป็นคนซนมาก ชอบแกะอะไรนู่นนี่เต็มไปหมด”

แล้วในมุมมองของบูม บูมเป็นคนแบบไหน
“คิดว่าตัวเองเป็นคนผิดปกติ เราก็คิดอยู่ว่าเราปกติหรือเปล่า อยากจะบอกว่าความจริงเราไม่ใช่คนผิดปกตินะครับ เราก็ปกติเหมือนกัน บางคนอาจจะเห็นว่าเรานิ่งเกินไป หรือว่าเราแปลก ๆ ไหม แต่ความจริงเราปกตินะ”
บูมบอกว่าชอบหาสิ่งอื่น ๆ ทำ ตอนนี้อะไรคือสิ่งที่สนใจมากที่สุด
“อินมาก ๆ ก็คงเป็นคอสเพลย์แหละครับ อินที่สุดแล้วตอนนี้”

ทำไมถึงเริ่มคอสเพลย์
“เราเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าเมื่อก่อน อยู่แต่บ้านเป็นคนที่ไม่ชอบออกไปไหน จะติดอยู่กับหน้าจอชอบดูอนิเมะ ไม่ค่อยออกไปเที่ยว บางทีออกไปก็ไปเล่นเกมส์กับเพื่อน ซึ่งมันทำให้เราสั่งสมสิ่งนั้นมากับการที่ชอบคาแรคเตอร์ การที่เราชอบวาดรูป การที่เราเห็นคาแรคเตอร์นี้บ่อย ๆ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า มันซึมซับมาเรื่อย ๆ ทั้งวงการคอสเพลย์ วงการเกมส์ครับ พอมาเป็นส่วนของคอสเพลย์ มีอนิเมะเรื่องนึงที่เป็นแรงบัลดาลใจให้กับเรา ดูปุ๊บแล้วเราก็รู้สึกว่าเคยมีครั้งนึงที่อยากคอสเพลย์แต่เราก็ไม่กล้า”
อนิเมะเรื่องไหนที่เป็นเรื่องที่จุดชนวนที่ทำให้อยากแต่งคอสเพลย์
“เรื่องหนุ่มเย็บผ้ากับสาวนักคอสเพลย์ครับ เราดูแล้วเรารู้สึกว่าการที่เราคอสเพลย์ เราไม่เห็นต้องแคร์ใคร อย่างในเรื่องนางเอกก็เป็นคนที่ป็อปอยู่พอสมควร แต่เขาก็ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองเขาเป็นคนยังไง ก็คอสไปเรื่อย ๆ แล้วเราก็รู้สึกว่า อืมเราก็ทำได้ เราก็ทำดีกว่า พอมาถึงตอนนี้ เราสามารถหาเงิน หางานพาร์ทไทม์เอง เรามีทุนด้วยครับ มีทุกอย่างที่มันเป็นองค์ประกอบที่พร้อมในการที่เราจะคอสเพลย์ได้ เราก็เลยเริ่มคอสเพลย์”
ทำไมถึงเลือก ‘TGS’ ในการมาเข้าประกวด
“ตอนแรกเราอยากคอสเพลย์แต่เราไม่รู้ว่าเราจะไปที่ไหน ถ้าไปคอสเพลย์ตามงาน มันไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ถ้าการไปคอสเพลย์แล้วแค่แต่งตัว ไปแล้วก็กลับ แค่นั้นมันไม่พอสำหรับเรา อย่างที่บอกว่าเวลาเราทำอะไรแล้วอยากทำให้มันเป็นจุดที่เราคิดว่าเต็มที่แล้ว พอเป็นการประกวด ก็ลองเสิร์จการประกวดคอสเพลย์ ตอนแรกพิมพ์แบบนี้เลยทั้ง กูเกิลและยูทูบ TGS ก็ขึ้นมาแบบเป็นลิสต์แรก ๆ เราสนใจก็เลยลองดู ค่อย ๆ จดจ่อกับสิ่งนี้ไปเรื่อย ๆ เลยทำให้เราเข้าใจว่าการประกวดนี้มันไม่ได้แค่ประกวดแล้วก็เสร็จ แต่มันการคิดไปเรื่อย ๆ การทำเฟอร์ฟอร์มแมนซ์ด้วย ก็เลยรู้สึกว่าอยากลองดู ระดับประเทศขนาดนี้ แล้วเราเป็นมือใหม่ด้วย อย่างน้อยเราไม่ได้รางวัล แต่คนอาจจะจำเราได้ในการประกวดครั้งนี้”

ครั้งนี้มาประกวดที่TGSเป็นครั้งที่เท่าไหร่
“ครั้งที่ 2 ครับ กับ TGS ถ้าที่เคยคอสเพลย์มาครั้งนี้เป็นชุดที่ 3 ครับ”
เล่าความประทับใจในการคอสเพลย์ทั้งสามครั้ง
“ครั้งแรกคอสเป็น ‘ฮานาโกะคุง’ จากเรื่อง ‘ฮานาโกะคุง วิญญาณติดที่’ ครับ ด้วยความที่เป็นมือใหม่ เราไม่รู้ว่าเกณฑ์การประกวดมันคืออะไรบ้าง ถ้าเราจะดูแต่เราก็ไม่ได้เข้าใจว่ามันคืออะไร เราก็ลองแต่งดู แล้วเราก็ลองทำในสิ่งที่เราคิดว่าเราโอเค พอได้ผลตอบรับที่ดี กรรมการชม เราก็รู้สึกประทับใจมากกับครั้งแรก เมื่อกลับไปดูในยูทูบก็รู้สึกว่าเป็นครั้งแรกที่ดีพอสมควรทำให้เรามีกำลังใจในการคอสเพลย์ครั้งต่อไป”


ครั้งที่ 2
“ครั้งที่สองแต่งเป็น ‘โกโจคุง’ หรือ ‘โกโจ ซาโตรุ’ ในเรื่อง ‘มหาเวทย์ผนึกมาร’ แต่ว่าไม่ได้แต่งเป็นเป็นชุดของตัวละครปกติครับ แต่งเป็นโกโจใส่ชุดเมด เพราะได้เห็นแฟนอาร์ตในโซเชียลที่เป็นชุดเมด มีความผสมผสานกันดีระหว่างความเป็นเฟมมินีนที่เป็นชุดเมด กับความเป็นมาสคิวลีนที่เป็นผู้ชาย ที่เป็นสรีระของเขา เราคิดว่าเป็นคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจ ก็เลยลองคอสแล้วก็ไปงานมหาเวทย์ผนึกมารที่ ‘มหาวิทยาลัยสวนดุสิต’ พอไปมาแล้วคนเข้ามาขอถ่ายรูป ทำให้เราดูเป็นที่รู้จักตรงนั้น”

วันนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่สนใจไหม
“อาจจะไม่ได้เป็นที่สนใจมาก แต่เราก็ไม่เคยไปไหนแล้วมีคนมาขอถ่ายรูปเยอะขนาดนี้ รู้สึกว่าสนุกดีที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบทำให้เรามีคาแรคเตอร์ขึ้นมา”
ครั้งที่ 3
“รู้สึกว่าเป็นครั้งที่ชุดทำยากที่สุดและเหนื่อยมากกับชุด เป็นครั้งที่เรารู้สึกว่าเสน่ห์ของตัวละครเป็นการเพอร์ฟอร์มเป็นสิ่งที่เราชอบพอดี ยิ่งได้ทำยิ่งกหลุมรักตัวละครนี้ไปเรื่อย ๆ ตัวนี้ชื่อว่า ‘Bloody mary สกิน lady bella donna’ ในเกมส์ ‘Identity V’ ครับ เราไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองยังไง แต่ว่าพอเราได้ตกหลุมรักตัวละครนี้แล้ว เราได้ทำในสิ่งที่เราเคยดูในมือถือ เราทำปุ๊บแล้วเรารู้สึกว่าเราได้ทำแล้ว ประทับใจในตัวเอง อาจจะไม่ต้องมีคนชอบแล้วก็ได้ แต่เรารู้สึกว่าเราชอบมาก ๆ ในการเพอร์ฟอแมซ์ครั้งนี้ เพราะว่าได้ทำเองทั้งหมดเอง ครีเอทโชว์เอง ท่าเต้นจะเป็นอย่างไร เรียบเรียงเรื่องราวเองว่าจะเริ่ม จะจบอย่างไร เราทำเองทั้งหมดเลย มันสนุกมาก”


มีไอดอลในการคอสเพลย์ไหม
“เราเป็นคนที่ไม่ได้โฟกัสว่าใครเป็นคนคอส เราจะมองที่เวลาดูแล้วเราชอบตัวละครนี้ คิดว่าลุคนี้ ในตัวละครนี้ คือคนที่ทำให้เราประทับใจมากที่สุด ก็เลยไม่ได้โฟกัสว่าต้องเป็นใคร แต่ว่าดูทั้งหมดแล้วว่าผลของเขาออกมาแล้วอันไหนดี เราเลยไม่ได้มีไอดอลขนาดนั้น แต่ว่าจะดูแนวมากกว่าว่าเราอยากคอสแนวไหนเราก็ไปดูคนที่แต่งแนวนั้นครับ”
บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ การสื่อสารคาแรคเตอร์ในการคอสเพลย์ อยากให้บูมแชร์ความคิดของบูมในเรื่องนี้หน่อย
“ในมุมมองของเราแต่ละคนมันมีความคิดที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ทำไม่แต่งหญิงตุ้งติ้งเป็น เกย์หรือเปล่า ก็จะมีคนมองว่า พื้นฐานเราเป็นผู้ชายแล้วเราต้องมาคอสเป็นผู้ชาย มันไม่ได้มีข้อกำหนดเลย เราว่าการคอสเพลย์คือการที่เราเป็นคาแรคเตอร์หนึ่งขึ้นมาไม่ได้ยึดจากเราเป็นใคร แต่มันยึดว่าเรากำลังจะเป็นใคร ก็เลยโฟกัสคนที่เข้าใจจุดนี้มากกว่า ไม่ได้โฟกัสคนที่ไม่เข้าใจ ในเมื่อเค้าไม่เข้าใจเราแล้ว แล้วเราทำไมต้องไปแคร์เขา แต่ก็ถามว่าเขินไหม ก็เขินคนที่เราสนิทเพราะเราเปลี่ยนแนว แต่พอมาประกวดงานของ TGS รู้สึกว่าด้วยความที่เป็นสังคมที่คนเข้าใจว่าการกระทำแบบนี้มันคืออะไร ก็เลยไม่ได้อายคนรอบข้างเท่าไหร่”
บูมเข้ามาเป็นน้องใหม่ในวงการคอสเพลย์แต่บูมเป็นมืออาชีพ มุ่งมั่น อยากให้บอกอะไรคนที่กำลังจะเริ่มหรือคนที่อยากจะเริ่ม
“ตัวเราเองเราก็ไม่ได้คิดว่าทำครั้งแรกแล้วจะดีเลย แต่เราโชคดีที่เรารู้จักกับทางเพื่อนที่พอจะดูชุดเป็นและคนเก่ง ๆ เยอะ เลยทำออกมาได้ดีครับ แต่ส่วนตัวถ้าทำเองก็คิดว่าครั้งแรกของเราไม่ได้คิดว่ามันจะสำเร็จอยู่แล้ว อย่างตอนที่คอสเป็นฮานาโกะ เราก็กลับไปมองก็ยังรู้สึกว่ายังไม่สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าทุกคนคิดว่าการแต่งคอสเพลย์ครั้งแรกมันจะสมบูรณ์ เราว่า ด้วยความที่มันเป็นครั้งที่ 1 ยังไงมันต้องไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อยากให้ทุกคนไม่ต้องไปซีเรียสว่ามันจะต้องออกมาสมบูรณ์มาก แค่เราชอบแล้วเราก็แต่งออกมา ตอนนั้นบูมเชื่อเลยว่าทุกคนที่ได้แต่งคอสเพลย์เป็นครั้งแรก ถึงมันจะออกมาดีหรือไม่ดี แต่ทุกคนจะชอบมาก เพราะว่าได้ทำแล้ว อย่างน้อยมันก็ได้เห็นตัวเองในมุมที่แปลกไป หรือว่าการได้ปลดล็อคตัวเองนิดนึง อาจจะไม่ได้เหมือนเราที่ออกมาขนาดนี้ แต่อย่างน้อยก็มีนิดนึงที่มันไม่เหมือนเดิม ถึงมันก็เป็นแค่จุดเล็ก ๆ ที่ทำให้เราสามารถต่อไปเรื่อย ๆ ได้ ถ้ายังไม่กล้าก็ลองดูอย่างน้อยก็นิดนึงก็ได้ ไม่ต้องแต่งเต็มตัว แค่ลองใส่วิคดูก็ได้ก็รู้สึกว่ามันโอเค แล้วเดี๋ยวมันก็จะไปเรื่อย ๆ ของมันเอง”

มีอะไรที่อยากลองทำ นอกจากคอสเพลย์ไหม
“บูมอยากลองทำหลายอย่าง อยากทำยูทูบเองก็อยาก แล้วช่วงนี้ชอบดูยูทูบจะมีครีเอเตอร์ วีทูบเบอร์ เรารู้สึกว่ามันดูแบบไม่ใช่เราเลยดูได้ทำอะไรใหม่ ๆ ดี ก็อยากลองทำ”
วีทูบเบอร์คืออะไร
“เป็นเวอร์ชวลยูทูบเบอร์ ด้วยความที่เทคโนโลยีสมัยนี้มีการอินเตอร์แอคทีฟกับตัวละครในจอได้ จะเป็นคาแรคเตอร์ที่เราสร้างขึ้นมา แล้วเราก็อินเตอร์แอคทีฟกับตัวละครในจอ ทำแบบเหมือนแคสเกมเลยครับ แค่ไม่ใช่เป็นตัวเราแต่เป็นคาแรคเตอร์ อยากทำมาก ๆ ครับ ไม่ใช่อยากทำแต่ยังไม่ได้ลองทำนะครับ ตอนนี้ก็มีตัวละครวีทูบเบอร์เป็นของตัวเองแล้ว ได้ลองทำแล้วก็รู้สึกว่ามันสนุกดีแต่เราที่เราจะเริ่มต้นได้ดีมันค่อนขางยาก ซึ่งเราอยากทำอะไรสักอย่างอยากทำให้ออกมาเฟอเฟ็กต์ที่สุดในที่ตัวเองมอง ก็เลยค่อย ๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ แล้วอยู่ในจุดที่ถ้าองค์ประกอบทุกอย่างมันพร้อมแล้วถึงตอนนั้นบูมก็จะค่อย ๆ เพิ่มสิ่งที่เราอยากทำไปเรื่อย ๆ”
บูมเป็นตัวแทนของเด็กยุคนี้ บูมมีความคิดเห็นอย่างไรสำหรับผู้ใหญ่ และคนในวัยเดียวกัน ในเรื่องของความคิด ความกล้า ความชอบ ความอิสระ
“ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะสังคมของเราหรือเปล่า เพราะว่าหลาย ๆ คนเขาอาจจะมองผู้ใหญ่ชอบกดดันเด็ก ปิดกั้นความคิด แต่เราเจอผู้ใหญ่ที่คิดว่ายุคนี้เค้าเปิดมาก ไม่ว่าเด็กจะทำอะไรก็สนับสนุน เพราะในยุคก่อนมันไม่ได้อยากทำก็ทำได้เลย ในสายตาของสังคมซึ่งตอนนี้ผู้ใหญ่เองก็เปิดมากในส่วนที่เราอยู่ ให้การสนับสนุนเด็กดีมากครับ ส่วนในมุมของเด็กเขาก็คิดว่าเขาอยากทำอะไร มันมีความกล้าที่อยู่ในตัวเองด้วย ความที่เราเป็นสังคมที่กว้างขึ้น มีอินเตอร์เน็ตเราก็เลยเริ่มโฟกัสในสายตาของคนมากขึ้น จนเราลืมโฟกัสตัวเอง คิดว่าเด็กสมัยนี้โฟกัสคนอื่นมากเกินไป มองว่าไม่ผิดนะที่เราจะไปโฟกัสคนอื่น แต่ว่าเราจะดูตัวเองด้วยว่า เราต้องการอะไร ถ้าเราอยากทำเราคิดว่ามันไม่ยากเลยที่ผู้ใหญ่จะนับสนุน ถ้าเรามีเหตุผลมากพอ”
ก่อนที่จะกล้าทำสิ่งใหม่ ๆ บูมมีอุปสรรคอะไรบ้างไหม
“ยอมรับว่าเยอะมาก อย่างยุคนี้เป็นยุคที่มีคนบุกเบิกหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ ด้าน มีคนเก่งเยอะ พอเราเห็นคนเก่ง เราจะคิดว่าเราจะทำแบบเขาได้ไหม มันจะรู้สึกตัดทอนตัวเอง ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เราเครียด เราเป็นคนที่ไม่อยากโฟกัสเรื่องเครียด เพราะว่าด้วยความที่เด็กยุคใหม่ทำอะไรด้วยตัวเองหลายอย่างมาก แต่แค่มันอาจจะขาดการซัพพอร์ทจากผู้ใหญ่หรือว่าอาจจะเป็นเป้าหมายที่มันใหญ่มาก จนอาจจะลืมว่าความจริงมันเริ่มได้จากก้าวเล็ก ๆ มันเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่ถ้าเรามองไปจุดมุ่งหมายที่มันมากเกินไป มันจะเป็นอุปสรรคให้เราพัฒนาสิ่งเล็ก ๆ ช่วงที่ผ่านมาเราแคร์คนอื่นมากเกินไปจริง ๆ ด้วยความที่ตอนนั้นเราอาจจะทำหลาย ๆ อย่าง ผู้ติดตามอาจจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็มีผู้ติดตามพอสมควร มันทำให้เรารู้สึกว่าการที่เราทำออกมาแบบนี้ แล้วถ้าเขาไม่ชอบหล่ะ มันเป็นเหตุผลหลักครับ”
มีผู้ติดตามในติ๊กต็อกกับอินสตราแกรมเยอะมาก กลัวเพราะแคร์คนติดตาม
“ใช่ครับเราก็มีความคิดนี้อยู่แล้วว่าเราทำ แล้วเค้าจะชอบไหม ทำแล้วมันจะโอเคไหม อันนี้คืออุปสรรคหลัก ๆ เลย วิธีการเอาชนะความกลัวคือลองจากจุดเล็ก ๆ ก่อน อย่างการคอสเพลย์ของ เราก็เริ่มจากการลองไปเดินดู ยังไม่ต้องซื้อก็ได้แต่ไปลองเดินดูร้านคอสเพลย์ พอมันถึงจุดหนึ่งที่เราชอบมากจริง ๆ เราก็รู้สึกว่าต้องซื้อ แต่งเลย มันจะเป็นจุดที่เราจะชนะอุปสรรคของตัวเองได้ครับ”
สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานหรือช่องทางการติดตาม
“ฝากอินสตราแกรมด้วยนะครับ @_boom_tnk ส่วนติ๊กต็อกก็คือ @_boom_tnk0012 ช่วงนี้ยังไม่ได้อัพบ่อย เพราะกำลังจะมีผลงานซีรีส์ถ้าได้เปิดกล้องจะแอบมาสะกิดมะดันนะครับ”

บทความที่เกี่ยวข้อง