เป็นมินิซีรีส์ที่มินิจริง ๆ จ้ะ 8 ตอนจบตอนละ 15 นาที ดัดแปลงจากนิยาย Y เกาหลีในชื่อเรื่องเดียวกัน เรื่องราวของ ยอนอู (ยูจุน) เด็กชายที่เป็น “โมโน” คืออาการของคนที่ตาบอดทุกสี จะมองเห็นแค่สีเทาที่โทนสีต่างกันเท่านั้น กับ ยูฮัน (ฮอฮยอนจุน) เด็กฝึกไอดอลในอนาคต ผู้เป็น “โพรบ” ของยอนอู เมื่อโมโนกับโพรบมาเจอกัน โพรบจะทำให้โมโนเห็นสีสันที่งดงามบนโลกใบนี้ ก็ราว ๆ พรหมลิขิต เนื้อคู่กระดูกคู่อะไรทำนองนี้

ซีรีส์แฟนตาซีที่แฝงจิตวิทยา
ขอใช้คำว่าชอบมาก ๆ กับพล็อตเรื่องที่ทำให้ร้องว้าว “โลกนี้ยังมีสีสันที่สวยงาม โลกไม่ได้เป็นสีเทาเสมอไป” ยอนอูเกิดมาพร้อมกับอาการตาบอดสี ในโลกของซีรีส์เขียนให้คนที่มีอาการแบบนี้ถูกเรียกว่า “โมโน” และคนที่เป็นโมโนจะสามารถเห็นสีต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกนี้ได้ก็ต่อเมื่อได้เจอกับ “โพรบ” ของตัวเอง ที่เป็นตัวแทนความหมายของคู่แท้ ซีรีส์ใส่ปมความรักความลุ่มหลงที่โมโนและโพรบมีต่อกันไว้ที่ความรู้สึกความต้องการอยากเป็นเจ้าของ

มีโนโนและโพรบหลายคู่ที่เกิดขึ้นในโลกของซีรีส์เรื่องนี้ และแต่ละคู่สร้างข่าวสะเทือนขวัญด้วยการที่ โมโนลักพาตัวโพรบและจบลงด้วยการฆาตรกรรม ในขณะเดียวกันก็สร้างปมให้เคลือบแคลงสงสัยว่า การกระทำแบบนี้จะเกิดขึ้นกับโมโนและโพรบทุกคู่เลยไหม ด้วยการที่ทำให้แม่ของยอนอูที่เป็นโมโนเหมือนกัน หายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอยหลังจากการตายของพ่อยอนอูที่เป็นโพรบ ซีรีส์ไม่ได้เฉลยในส่วนนี้นะคะจนจบเรื่องก็ไม่มีการเฉลยใด ๆ แต่คนดูสามารถจินตนาการได้จากความรู้สึก จากเรื่องราวความจริงของความรักที่ ไม่มีคู่ไหนสามารถเป็นนิยามของอีกคู่ได้หรอก

ซีรีส์เปรียบเทียบให้ โมโนกับโพรบ แต่ละคู่ในเรื่องเป็นตัวแทนของอารมณ์ ความลุ่มหลงและการตอบสนองต่อความรู้สึก แถมท้ายด้วยการเฉลยปมแบบไม่เฉลย แต่ให้เราเข้าใจได้เองด้วยความจริงที่สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกของความรักและยังบอกอีกว่า โมโนบางคนก็ไม่ได้มีคู่เป็นโพรบซะด้วยสิ
เคมีพระ-นาย วี๊ดว้าวและฝีมือไม่ธรรมดา
ด้วยความที่เป็นซีรีส์แห่งจินตนาการ มีปรัชญาแฝงผสมจิตวิทยาเข้าไปอีก เรียกว่าเป็นบทที่อาร์ตมาก ๆ นอกจากบทที่แน่นเปรี๊ยะแล้ว ฝีมือการแสดงของพระ-นายเรื่องนี้ก็ทำเอาใจละลายได้ง่าย ๆ เรื่องนี้เป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกของ ฮอฮยอนจุน หรือ ฮวัล อดีตสมาชิกวง The Boyz หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน มาโผล่อีกทีก็รับบทพระเอกในซีรีส์วายกันเลยและมาแบบเทพเจ้ามาจุติซะด้วยสิ ออร่าแรงแซงแสงรุ้งมาเลยจ้ะและฮีใช้สายตาเป็นสื่อได้ระทวยกันไปข้าง

ข้อดีของการดูมินิซีรีส์ก็คือ เราจะได้ดูกันแบบเนื้อ ๆ ไม่มีน้ำ อารมณ์ก๋วยเตี๋ยวแห้งที่ไม่ต้องซดน้ำให้มากความ เปิดมาปุบปับปิ๊งกันเลย ยูฮัน เมื่อได้เห็นหน้าของ ยอนอู ครั้งแรกฮีก็ปิ๊งทันทีและรู้เดี๋ยวนั้นเลยว่าเขาเป็นโพรบของนาง (ในส่วนนี้มีเฉลยในตอนจบนะจ๊ะ ว่าทำไมถึงปิ๊งไวปานวอกขนาดนั้น) ออร่าสีรุ้งในแววตาของยอนอูนายเอกของเรา ส่องประกายให้เห็นทันที และทำให้เขาอยากที่จะสอนให้ยอนอูรู้จักทุกสีสันบนโลกใบนี้ นัยว่ารู้จักความรักนั่นเอง สายตาแห่งความคลั่งรักของพระเอกก็ส่องประกายวิบวับ โจ่งแจ้ง ไม่ปิดบัง พยายามจะทำทุกอย่างเพื่ออยู่ใกล้ เอาอกเอาใจสารพัด ณ จุดนี้คนดูก็ได้แต่ยิ้มไปจ้ะ เคลิ้มแตกแคิ้มแตนกันไป

ส่วนนายเอกของเรานั้น ด้วยความที่มีความกลัวเป็นทุนเดิมกับข่าวร้าย ๆ ของโมโนและโพรบแต่ละคู่ นางก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง ประกอบกับไม่อยากเป็นโมโนที่ห้ามใจตัวเองไม่อยู่จนลุ่มหลงในความรักแล้วฆ่าโพรบตายในที่สุดเหมือนคู่อื่น ๆ เพราะไม่อยากเสียเขาไป ด้วยการทำสิ่งที่ไม่น่าจะทำแต่ก็ทำไปแล้ว ซีนปวดร้าวนี้ ยอนอูส่งอารมณ์ได้ดีเอามาก ๆ สมกับที่อยู่ในวงการมาตั้งแต่เด็ก ซีรีส์แฝงข้อคิดเป็นปรัชญาชีวิตเอาไว้หลายอย่าง นะคะ โดยเฉพาะความจริงที่ ไม่มีใครเป็นเจ้าของหัวใจใครได้ถ้าเขาไม่ยินยอม แต่ถ้ายอมแล้วละก็จงยอมรับซะเถอะว่ามันคือพรหมลิขิต และการลุ่มหลงในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเกินไปมักสร้างผลร้ายเสมอ
สื่ออารมณ์แบบแฟนตาซีได้ยอดเยี่ยม
เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ส่งผ่านความรู้สึกออกมาแทบจะทุกสัมผัสที่จะสื่อสารได้กันเลยทีเดียว สายตา คำพูด การแสดงออก การสัมผัส ฉากและเนื้อเรื่อง ซีรีส์ตั้งใจให้พระเอกแสดงออกถึงความรักบริสุทธิ์ ที่ไม่คิดจะปิดบังใด ๆ เลยกับนายเอกอย่างนิ่มนวล การสื่อความหมายออกมาสวยงามชวนอบอุ่น เป็นซีรีส์วายที่มีฉากจูบแค่ครั้งเดียวแต่ส่งความฟินออกมาได้ในทุกตอนแบบหวาน ๆ

ฉาก มุมกล้อง การสื่ออารมณ์สามารถส่งความโรแมนติกออกมาได้อย่างล้นเหลือ เรียกว่าท่วมท้นล้นจอ นั่งดูไปเท้าคางยิ้มไปแบบไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องหัวเสียว่า จบแล้ว อะไรกันจ๊ะ ทำไมมันสั้นอย่างงี้ อะไรฟิน ๆ จะมาน้อยแบบนี้บ่ได้เน้อ แต่ก็นั่นแหละจ้ะ 15 นาทีไวเหมือนโกหก ด้วยความที่ซีรีส์แต่ละตอนมันสั้นนิดเดียว ทุกอย่างก็จะดูกระชับฉบับกระเป๋าแต่อัดแน่นด้วยเนื้อหาแฝงเชิงปรัชญาที่สามารถแตะความเข้าใจ แตะความรู้สึกของคนดูได้ง่าย ๆ เพราะมันคือเรื่องของความรัก ในส่วนนี้คนเขียนบทฉลาดสื่อสารเอามาก ๆ ไม่มีฉากไหนที่สะดุดความรู้สึก หรือจะทำให้เราเข้าใจตัวละครผิดไปได้เลย

พร้อมกับฉากจบแบบปลอดภัย ไม่เศร้าแต่แฮปปี้และเป็นการจบแบบปลายปิด ที่พร้อมจะเปิดอีกในซีซัน 2 (ถ้ามี) กับปมบางปมที่ไม่ได้เฉลยแต่ทึกทักเองได้จากบทสรุปของพระ-นาย เป็นการเฉลยแทนในสิ่งที่สงสัยถึงแม้จะค้างคาไม่บอกอะไร ก็ไม่อยากรู้แล้วก็ได้ เชอะ…พระ-นายแฮปปี้ก็ฟินแล้ว
Color Rush
- แนว : โรแมนติก แฟนตาซี ลึกลับ
- จำนวนตอน : 8 ตอนจบ ตอนละ 15 นาที (ซีรีส์จบแล้วเมื่อวันที่ 21 มกราคม)
- ดัดแปลงจาก : นิยายวาย color rush
- ผลิตโดย : Storywiz
- กำกับโดย : Park Sun Jae
- ช่องทางรับชม : viu