องค์รัชทายาท หนานเฟิง และฝูเหยา เดินทางถึงวัดหนานหยาง องค์รัชทายาทตั้งข้อสังเกตว่าแม่ทัพเผยหมิงกวงมีชื่อเสียงในทิศเหนือ แต่ทำไมที่นี่กลับมีแค่วัดหนานหยางไม่มีวัดหมิงกวง ในขณะที่องค์จักรพรรดิหนานยางมีชื่อเสียงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ กลับมีวัดหนานหยางอยู่ที่ทิศเหนือ
หนานเฟิงและฝูเหยา เริ่มมีปากเสียงกันเรื่องการตั้งชื่อวัด จากนั้นก็พาลทุ่มเถียงกันเรื่องความไม่จงรักภักดีของเจ้านายทั้งสองฝ่ายต่อองค์รัชทายาท แล้วก็เริ่มต่อยตีกัน องค์รัชทายาทเห็นท่าไม่ดี จึงเลี่ยงมายืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้าง จังหวะหนึ่งลูกพลับหน้าแท่นบูชากระเทือนกลิ้งหล่นลงมา องค์รัชทายาทก้มลงเก็บและกำลังจะส่งเข้าปาก ฝูเหยาซัดพลังลมจนลูกพลับหล่น ตะโกนก้อง “อย่ากินนะ ร่วงลงพื้นแล้วยังจะกินอีก” องค์รัชทายาทจึงได้โอกาสยุติการต่อสู้ของทั้งสองคน และขอยืมพลังเวทจากหนานเฟิงเพื่อติดต่อโทรจิตกลับสวรรค์ เลขาสวรรค์หลิงเหวิน เมื่อทราบจากองค์รัชทายาทว่าตรงนั้นไม่มีตำหนักหมิงกวง เลขาสวรรค์เองยังบังเกิดความสงสัย “ไม่มีตำหนักหมิงกวงหรือ แปลกจัง” นางให้ข้อมูลผีเจ้าบ่าวในด้านความร้ายการ มีความร้ายกาจอยู่ในระดับสาม ระดับอำมหิต และย้ำให้องค์รัชทายาทรีบกำจัดโดยไว
ในวัดหนานหยาง องค์รัชทายาท หนานเฟิง และ ฝูเหยา ปรึกษากันหาวิธีจับผีเจ้าบ่าว โดยการใช้เจ้าสาวเป็นตัวล่อ องค์รัชทายาทไม่เห็นด้วยกับการใช้หญิงสาวมาเป็นเหยื่อ ด้วยเป็นห่วงว่าจะได้รับอันตราย ผู้ช่วยทั้งสองจึงเสนอให้องค์รัชทายาทปลอมแปลงเป็นเจ้าสาวเพื่อล่อผีเจ้าบ่าวเสียเอง
เช้าวันต่อมาองค์รัชทายาทสวมใส่ชุดเจ้าสาว เกล้าผมแต่งหน้าในสไตล์
‘ปัดไปก่อนเดี๋ยวอ่อนเอง’
ทำเอาผู้ช่วยทั้งสองตกตะลึง หนานเฟิงนั้นถึงขั้นหลุดปากออกมาดัง ๆ “หากข้าเป็นผีเจ้าบ่าว แล้วใครส่งหญิงสาวแบบนี้มาให้ข้า ข้าจะฆ่าหญิงสาวคนนี้ทิ้ง!!!”
โชคดีที่เสี่ยวอิ๋ง หญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือเมื่อวานเข้ามาหาเพื่อขออภัยองค์รัชทายาทในความเข้าใจผิดและนำอาหารมาให้ นางได้เห็นชุดเจ้าสาวและการแต่งหน้าที่สวยอย่างประหลาดขององค์รัชทายาท จึงเสนอตัวขอดูแลเสื้อผ้าหน้าผมทันที

ผู้ช่วยจ้างคนชำนาญทางมีวรยุทธ มาแบกเกี้ยวเจ้าสาวปลอมขึ้นภูเขา โดยมีกลุ่มของเสี่ยวเผิงนักล่าเงินรางวัลกลุ่มเดิมแอบซุ่มสะกดรอยตาม ด้วยเข้าใจว่ากลุ่มที่แบกเกี้ยวเจ้าสาวนั้น มุ่งหวังเงินรางวัลจากการล่าผีเจ้าบ่าวเช่นกัน
ขบวนเจ้าสาวปลอมเข้าเขตเขาอวี่จวิน บังเกิดเสียงเพลงลอยมา ซึ่งไม่มีใครในขบวนได้ยินเสียงเพลง เหมือนตั้งใจให้เจ้าสาวบนเกี้ยวได้ยินเพียงผู้เดียว แต่เหล่าคนแบกเกี้ยวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศรอบด้านที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นเรื่อย ๆ เนื้อเพลงมีความว่า “เจ้าสาวเอย เจ้าสาวเอย เจ้าสาวบนเกี้ยวแดง น้ำตานอง เดินข้ามเขาใต้ผ้าคลุมหน้า อย่าได้ยิ้ม”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหอนและหมาป่าฝูงใหญ่ได้บุกเข้าโจมตีขบวนแบกเกี้ยว ผู้ช่วยและผู้นำทางช่วยกันสกัดกั้นการโจมตีจากฝูงหมาป่าได้ แต่ยังมีบรรดาซากศพอีกกว่าร้อยผุดจากพื้นดินถาโถมเข้ามาทำร้ายอย่างต่อเนื่อง องค์รัชทายาทจึงตัดสินใจส่งผ้าพันข้อมือออกไปกำจัดปีศาจล้มตายลงเป็นจำนวนมาก สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ช่วยทั้งสอง
“ท่านไม่มีพลังเวทไม่ใช่หรือ?”
“แต่มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง” องค์รัชทายาทตอบหนานเฟิงและสั่งให้ทุกคนล่อฝูงปีศาจออกไป เขาจะรอพบผีเจ้าบ่าวอยู่ในเกี้ยวเพียงผู้เดียว
แว่วเสียงนกกลางคืน แสงจันทร์จางลง สายลมพัดผ้าที่ปิดคลุมเกี้ยว ปรากฏผีเสื้อสีเงินพร้อมกับมือที่พันด้ายแดงไว้ที่นิ้ว ยื่นเข้ามาจูงองค์รัชทายาทและพาเดินไปตามทาง องค์รัชทายาทเดินเคียงข้างชายในชุดสีแดงและเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นตามทางอย่างเงียบ ๆ

(ย้อนกลับไปในอดีต…มีอาณาจักรโบราณยิ่งใหญ่สวยงามเซียนเล่อ รัชทายาทนามเซี่ยนเหลียนปกครองบ้านเมือง ในพิธีเฉลิมฉลองอาณาจักร เขาได้เข้าไปช่วยชีวิตเด็กน้อยผู้พิการดวงตาขวาจากการพลัดตกที่เฉินอู่ และได้กล่าวประโยคที่ตรึงใจเด็กผู้นั้นตลอดกาล
“ถ้าหากไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร ก็อยู่เพื่อข้าเถอะนะ”
รัชทายาทเป็นผู้เก่งกาจมีคมดาบดุดัน เมื่อเขาสังหารปีศาจ ณ สะพานอี๊เนียนลงสำเร็จ องค์จักรพรรดิสวรรค์ได้เอ่ยขึ้น “เด็กคนนี้อนาคตไกล ฝีมือไม่ธรรมดา” และได้แต่งตั้งเขาเป็นเซียน ขึ้นสวรรค์ตั้งแต่เยาว์วัย ต่อมาอาณาจักรเซียนเล่อประสบภัย องค์รัชทายาทลงมาจากสวรรค์ แต่ไม่ทันการณ์และถูกขับออกจากสวรรค์? เมื่อกลับขึ้นสวรรค์ได้เป็นครั้งที่สองก็ถูกขับตกจากสวรรค์อีกครั้งในแค่ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป?…)

บทความที่เกี่ยวข้อง
