“ท่านรู้เรื่องเทพเยอะ แล้วเรื่องผีล่ะ”
“ผีตนไหน”
“พิรุณโลหิตหาบุปผา ฮวาเฉิง”
“ครั้งหนึ่งเขาได้ทลายรังผี ระหว่างทางกลับเห็นดอกไม้เปื้อนสายฝนโลหิต จึงได้กางร่มปกป้อง” เด็กหนุ่มบนเกวียนโดยสารเล่าถึงฮวาเฉิงแก่องค์รัชทายาทอย่างไม่ติดขัด ส่วนหน้าตานั้น องค์รัชทายาทกล่าวเสริม
“เขาเป็นถึงราชาผีน่าจะแปลงร่างได้ และหน้าตาอาจจะคล้ายเด็กหนุ่มแบบท่าน” เด็กหนุ่มยิ้มและเล่าต่อถึงใบหน้าของฮวาเฉิงที่ว่ากันว่าเขาเสียดวงตาข้างขวา เพราะความคลุ้มคลั่งและควักมันออกมาเอง จุดอ่อนของฮวาเฉิงตือเถ้าอัฐิ หากได้ครอบครองจะสามารถควบคุมผีตนนั้นได้ หากผียอมรับใครก็จะฝากเถ้าอัฐิไว้ในมือผู้นั้น
บทสนทนาบนเกวียนเปลี่ยนจากฮวาเฉิงมายังตัวเด็กหนุ่ม เขาชื่อ’ซานเหลียง’ ทะเลาะกับที่บ้าน จึงออกเดินทางไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดหมายปลายทาง เมื่อได้ยินเขาพูดว่าหิว องค์รัชทายาทจึงหยิบหมั่นโถวให้เขาทั้งลูก ซานหลางกลับไม่รับ จนรัชทายาทต้องแบ่งหมั่นโถวกับเขาคนละครึ่ง เขาจึงรับไปทานอย่างสบายอกสบายใจ
เกวียนเดินไปตามทางในป่าจนพระอาทิตย์ตกดิน รอบข้างเป็นแสงสลัว จู่ ๆ วัวเทียมเกวียนก็หยุดกะทันหันทำให้ตัวเกวียนกระตุกอย่างแรง องค์รัชทายาทคว้ามือซานหลางไว้ไม่ให้พลัดตกเกวียน เด็กหนุ่มกลับปัดมือเขาออกทันควัน!

ในป่าปรากฏดวงไฟเรื่อ ๆ เป็นหัวขาดผีห้าตน บนอกมีคำว่า’จองจำ’ กำลังเดินสวนมา องค์รัชทายาทรีบส่งริบบิ้นขาว (รั่วเหยีย ~ชื่อริบบิ้นขี้อ้อน) ออกไปคุ้มครองรอบเกวียน คนขับเกวียนหวาดกลัวเสียงสั่นเครือ องค์รัชทายาทเกรงว่าผีที่เดินมาจะได้ยิน จึงจี้จุดให้เขาสลบและนำไปไว้ด้านหลัง เขาขึ้นมานั่งขับเกวียนแทน เมื่อผีมาถึงตำแหน่งที่เกวียนจอด ปะทะเข้ากับวงล้อมป้องกันของรั่วเหยีย พวกมันประหลาดใจคิดว่าโดนผีหลอก จนผีตัวหนึ่งในกลุ่มเอ่ยว่า พวกเรานี่แหล่ะผี คิดขึ้นได้ก็คลายความสงสัย ผ่านข้างเกวียนจากไป ซานหลางย้ายขึ้นมานั่งคู่กับองค์รัชายาท ซึ่งบังคับเกวียนแล่นผ่านผีที่อยู่ในป่าไปตลอดเส้นทาง เนื่องจากคืนนี้เป็นวันสารท เป็นวันที่ผีจะออกมา หากคนหลุดเข้าไปในภพผี จะออกมาได้ยาก
สักพักเหล่าผีห้าตนก็รู้ว่ามีคนอยู่ในป่า จึงพุ่งกลับมาไล่ตามเกวียนทันที รั่วเหยียกำบังไม่อยู่แล้ว องค์รัชทายาทรีบบังคับวัวเทียมเกวียนให้ออกวิ่งตะบึงอย่างรวดเร็วจนมาถึงทางแยกซ้ายขวา ตัดสินใจเลือกเส้นทางไม่ได้ จึงหยิบกระบอกเซียมซีออกมาเสี่ยง แต่ทุกใบของเซียมซีที่องค์รัชทายาทเสี่ยงทาย ล้วนได้ผลแต่คำว่า’หายนะ’ ซานหลางจึงอาสาเสี่ยงเซียมซีได้ผลออกมาเป็น’มหาโชค’ ทั้งสองเส้นทาง องค์รัชทายาทรีบบังคับเกวียนไปตามเส้นทางซ้ายมือ
ไม่นานผีห้าตนก็ตามมาทันและขวางหน้าเกวียนไว้ เหล่าผีมากมายตามมาสมทบรายล้อมเกวียน องค์รัชทายาทได้ลุกขึ้นเจรจาขอทางด้วยความนอบน้อม แต่พวกผีดูไม่ยำเกรง องค์รัชทายาทเตรียมสอดมือไปในแขนเสื้อ หมายจะใช้ยันต์ออกมาจัดการ เหล่าผีกระโจนเข้ามาตั้งท่าจะโจมตี ทว่า! เจอเข้ากับสายตาของซานหยางที่ลอบส่งออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ผีทุตนหวาดกลัวจนลนลานหนีหายไปทั้งหมด ซานหลางรีบกล่าวชื่นชมผลงานขององค์รัชทายาท แต่นั่นทำให้เขารู้สึกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนี้มีอะไรในตัวที่ไม่ปกติธรรมดา
ระหว่างที่เกวียนเดินทางต่อ องค์รัชทายาทเอ่ยขอดูลายมือซานหลาง เพราะผีที่แปลงตัวมา ลายมือจะต้องมีจุดบกพร่อง แต่ในระหว่างการดูลายมือนั้น เขากลับไม่เห็นจุดบกพร่องอันใด ซานหลางมีเส้นลายมือที่ชัดเจน และไร้ร่องรอยพลังเวทย์ ‘หากเขาเป็นผีจริง ก็ต้องเป็นระดับอำมหิตขึ้นไป ถึงจะปลอมตัวได้เนียนขนาดนี้ แต่ราชาผีจะมาที่นี่ทำไม?’ องค์รัชทายาทคิดใคร่ครวญอยู่ในใจ
เกวียนมาถึงอารามผูจี้ ซานหลางกล่าวขอบคุณและกำลังจะแยกตัวจากไป องค์รัชทายาทจึงได้เอ่ยชวนให้เขาพักที่อาราม เด็กหนุ่มตอบรับคำชวนและช่วยเขายกของจากท้ายเกวียน องค์รัชทายาทคลายจุดให้แก่คนขับเกวียน และกำชับไม่ให้เขาเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าต่อแก่ผู้ใด
ภายในอารามผูจี้ เซียนหลางถามหาเทวรูปบูชา องค์รัชทายาทตอบว่าจะใช้วิธีวาดรูป ซานหลางจึงออกปากว่าเขาวาดรูปเป็น องค์รัชทายาทบอกปัดไปเพราะไม่คิดว่าเขาจะรู้จักหน้าตาขององค์รัชายาทเซียนเล่อ ซานหลางตอบว่ารู้จักและยังคิดว่าองค์จักรพรรดิจินอู่จะต้องเกลียดองค์รัชทายาทมาก จึงได้ไล่ลงจากสวรรค์ถึงสองครั้ง ก่อนจะจบการสนทนา ซานหลางสังเกตเห็นรอยตรวนสาปทั้งที่คอและที่ข้อเท้าขวาขององค์รัชทายาท ขณะที่พระองค์จะอธิบาย เขาก็หันหลังให้เหมือนจะหลับและยุติการสนทนา องค์รัชทายาทดับเทียนในห้องล้มตัวลงนอนอีกด้าน ส่วนเซียนหลางที่ทำเหมือนหลับกลับยังไม่สามารถปิดตาลงได้…
เช้าวันต่อมา องค์รัชทายาทตื่นมาพบกับรูปวาดบูชา เป็นรูปลายเส้นสวยงามในชุดครองแคว้นเซียนเล่อ ก่อให้เกิดความประหลาดใจขึ้นอีกหลายส่วน
หน้าอาราม…เซียนหลางกำลังกวาดใบไม้ องค์รัชทายาทออกมากล่าวขอบคุณเรื่องภาพวาด และอาสาสางผมที่ยุ่งเหยิงให้เซียนหลาง เพราะต้องการหารอยตำหนิบนเส้นผม หากเป็นปีศาจแปลงตนมา อีกเรื่องที่ทำได้ยากคือเส้นผมแต่กลับตรวจไม่พบความผิดปกติอันใด แถมการช่วยสางผมครั้งนี้ก็ดูจะไม่ทำให้ผมหายยุ่งเหยิงไปจากเดิมอีกด้วย
องค์รัชทายาทยังไม่คลายความสงสัย เมื่อซานหลางเดินตามออกมาหน้าอาราม เขาจึงใช้ยันต์กันภัยหลายแผ่นแปะบนผ้าม่านที่นำมากั้นใช้แทนบานประตู ซานหลางเห็นแล้วก็เดินออกไปจากอาราม
“หรือว่า เขาจะถูกยันต์กันออกไป?” องค์รัชทายาทตั้งคำถามเมื่อเห็นท่าทางของซานหลาง และเขายังหายตัวไปตลอดช่วงเช้านั้น จนบ่าย องค์รัชทายาทได้ยินเสียงดังหน้าอาราม จึงได้เห็นว่าซานหลางไปหาไม้มาสร้างประตูอย่างสวยงาม แถมเดินผ่านม่านลงยันต์ของเขาออกไปอย่างไม่มีผล จากนั้นยังอาสาตัวบูรณะซ่อมแซมอารามทั้งหลังคาและฝาที่ผุพัง ซานหลางมีฝีมือมาก ไม่นานอารามผูจี้ก็ดูดี มั่นคง น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม ระหว่างการพักดื่มน้ำ องค์รัชทายาทเห็นรอยสักเป็นทางยาวที่แขนขวาของซานหลางตั้งแต่ข้อมือไปถึงข้อศอก ซานหลางปิดรอยสักด้วยแขนเสื้อ และพูดเพียงว่าสักมาตั้งแต่ตอนเด็ก
ด้านนอกอาราม ชาวบ้านจำนวนมากนำอาหาร ผลไม้ มากราบไหว้ เพราะชายขับเกวียนนำเรื่องเมื่อคืนไปเล่า จนเกิดความเชื่อว่าองค์รัชทายาทคือเทพเซียน ต่างคนชักชวนกันมาเพื่อแสดงศรัทธาและขอพร
องค์รัชทายาทรู้สึกเก้อเขินเพราะไม่เคยได้รับความศรัทธาเช่นนี้มาก่อน เขายืนมองผู้ศรัทธากับซานหลางอยู่ที่ประตูใหม่หน้าอาราม และบอกว่า ครั้งนี้ได้พึ่งโชคของซานหลาง กล่าวขอบคุณและยิ้มให้เขาจนตายิบหยี เด็กหนุ่มก้มหน้ากล่าวขึ้นมาเบา ๆ จนองค์รัชทายาทได้ยินไม่ชัดนัก
“หากความโชคดีของข้าสามารถช่วยท่านได้ ท่านเอาไปให้หมดเลย…”
ทันใดนั้นเอง!!! หน้าทางเข้าก็บังเกิดความวุ่นวายจากชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่ช่วยกันประคองนักพรตชราผู้หนึ่งในสภาพอิดโรยหนักใกล้ตายเข้ามา

บทความที่เกี่ยวข้อง