นักพรตชราฟื้นขึ้นมาในอารามผูจี้ เล่าเหตุการณ์ด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ข้าหนีออกมา ไม่อยากกลับไป ช่วยข้าด้วย” เมื่อองค์รัชทายาทซักถาม นักพรตชราได้เอ่ยถึงชื่อด่านป้านเยว่ ที่นี่องค์รัชทายาทจำได้ว่าเป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายที่สวยงาม นักพรตชรากล่าวว่านั่นเป็นเรื่องเมื่อ 200 กว่าปีก่อน ตอนนี้ด่านป้าเยว่เป็นสถานที่ต้องอาถรรพ์ สำนักเขาไปคุ้มกันขบวนสินค้า และประสบเหตุไปกว่า 60 ชีวิต มีเพียงเขาผู้เดียวที่หนีรอดออกมาได้
ซานหลางดูไม่ค่อยเชื่อคำบอกเล่านั้นเท่าใด และปรายตามาที่องค์รัชทายาทซึ่งก็มีความรู้สึกประหลาดในคำบอกเล่านั้นเช่นเดียวกัน จึงเอาชามใส่น้ำให้เขาดื่ม เมื่อนักพรตดื่มน้ำในชาม องค์รัชทายาทก็รู้ทันว่า นักพรตดื่มน้ำเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะร่างนี้เป็นเปลือกกลวงไม่มีอวัยวะภายใน จึงจับมืออีกฝ่ายไว้ นักพรตต่อสู้แต่ก็ถูกซานหลางใช้ตะเกียบซัด กลายเป็นศพหดแปรสภาพ ร่างเปล่าไม่มีอวัยวะ
องค์รัชาทายาทเข้าข่ายมนตร์กระแสจิต เพื่อติดต่อกับสวรรค์
บรรยากาศบนนั้นกำลังคึกคักจากการแจกแต้มบุญของเทพวายุ จนไม่มีใครให้ความสนใจเมื่อองค์รัชทายาทถามเรื่องด่านป้านเยว่ขึ้นมา

หลิงเหวินเลขาสวรรค์กล่าวเตือน “องค์ชาย เรื่องนี้ข้าขอแนะนำว่าท่านอย่าได้ไปแตะต้องดีกว่า”
ณ อารามผูฉี ซานหลางขอติดตามองค์รัชทายาทไปด่านป้านเยว่ หน้าประตูก็ปรากฏร่างฝูเหยา และหนานเฟิง เขาได้ยินเรื่องด่านป้านเยว่ในเครือข่ายสวรรค์และอาสาลงมาช่วย แต่เมื่อพบซานหลางก็ไม่พอใจ ฝูเหยาปล่อยลำแสงขาวจากฝ่ามือไปกระแทกโต๊ะข้างตัวเด็กหนุ่ม หวังให้ซานหลางเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา องค์รัชทายาทรีบห้ามและบอกให้รู้ว่าอารามนี้ต้องพังทลายเป็นแน่ถ้าพวกเขาต่อสู้กัน เขาอธิบายแก่ทั้งสองเมื่อทั้งคู่กล่าวถึงซานหลางว่า
‘แปลก’
ซานหลางแปลกแล้วยังไงในเมื่อตัวเขาเองก็แปลก แต่เขาก็ไม่ได้เป็นอันตรายกับใคร และเขาเองก็ได้ทดสอบซานหลางมาหลายครั้ง ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น นอกจากเขาจะเป็นราชาผี แต่ราชาผีจะว่างมาเก็บของเก่ากับเขาเช่นนั้นหรือ?… ฝูเหยาและหนานเฟิงจึงคิดหาวิธีมาทดสอบเด็กหนุ่มอีก
ระหว่างที่หนานเฟิงใช้คาถาและวาดยันต์ย่นระยะทางไปดินแดนอันห่างไกล ซานหลางได้เล่าถึงนิทานปรัมปราเกี่ยวกับแคว้นโบราณป้านเยว่
แคว้นนั้นมีราชครูป้านเยว่เชี่ยวชาญไสยเวท คนของแคว้นมีนิสัยดุดัน ชอบการต่อสู้ มักเกิดหตุปะทะก่อสงครามชายแดนอยู่เนือง ๆ จนถูกปราบราบเป็นหน้ากลอง แม้แคว้นป้านเยว่จะล่มสลาย แต่ความอาฆาตของราชครูและนักรบ ทำให้พวกเขายังรั้งวิญญานก่อกวนความสงบสุขของผู้เดินทางมาตลอด
องค์รัชทายาทกล่าวหลังซานหลางเล่าจบ
“แคว้นป้านเยว่มีอยู่จริง
ไม่ใช่นิทานปรัมปรา”

ทั้งสี่คนเดินทางหนึ่งพันลี้ด้วยยันต์ย่นระยะเพียงหนึ่งก้าว มายังเมืองเล็ก ๆ กลางทะเลทราย จากนั้นเดินตามดาวเหนือ เข้าสู่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่เวิ้งว้างข้ามวัน แดดแรงกล้า ด้วยความเป็นห่วงเด็กหนุ่ม องค์รัชทายาทได้ถอดหมวกสานให้เขายืมใส่แต่เด็กหนุ่มไม่รับ เดินไปจนพบโรงเตี๊ยมร้างทั้งหมดได้เข้าไปพักผ่อน เด็กหนุ่มขอน้ำจากองค์รัชทายาทแต่ฝูเหยากลับขวางและส่ง ‘น้ำเผยร่างแท้’ ให้เด็กหนุ่มดื่ม เด็กหนุ่มบ่ายเบี่ยงว่าน้ำอาจจะมียาพิษ และหันไปถามองค์รัชทายาทว่าในน้ำมียาพิษไหม ไม่มีพิษ แต่…. องค์รัชทายาทกล่าวไม่ทันขาดคำ เด็กหนุ่มก็ยกน้ำขึ้นดื่มจนหมด และไม่เกิดอะไรขึ้น หนานเฟิงจึงทำเป็นส่งกระบี่ให้เด็กหนุ่มเก็บไว้ป้องกันตัว กระบี่วิเศษเล่มนี้หากผู้ชักมันออกมาไม่ใช่มนุษย์ ตัวกระบี่จะเปล่งสีแดงฉานและสะท้อนร่างแท้จริงของผู้ชักกระบี่ออกมา
ซานหลางทำท่าสนใจชักกระบี่เล็กน้อย และหยุดมือส่งกระบี่คืนหนานเฟิง “กระบี่หัก ทำอะไรได้” หนานเฟิงดึงกระบี่ออกมา เศษกระบี่หักร่วงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจริง ๆ
[ที่มา: กระบี่นี้องค์รัชทายาทได้ประทานมาจากจักรพรรดิสวรรค์ และครั้งที่ถูกขับออกจากสวรรค์ เขาอยู่บนโลกมนุษย์กับเฟิงซิ่น <ท่านแม่ทัพของหนานเฟิง> เขาเคยนำกระบี่ไปจำนำได้เงินแลกกับอาหารดี ๆ คาดว่าหลังจากเฟิงซิ่นบรรลุเป็นเทพ ได้กลับมานำกระบี่ไปเก็บไว้ที่ตำหนักหนานหยาง และให้หนานเฟิงนำติดตัวลงมาครั้งนี้]
ด้านนอกโรงเตี๊ยมบังเกิดพายุทะเลทราย องค์รัชทายาทเห็นร่างสองร่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก ทั้งหมดจึงออกไปดูที่หน้าต่าง หนึ่งในสองร่างเป็นนักพรตหญิง
นางหันมามองที่โรงเตี๊ยมและยิ้มให้องค์รัชทายาทเล็กน้อย องค์รัชทายาทได้รีบเร่งทุกคนออกเดินทางต่อท่ามกลางพายุทรายที่แรงขึ้น แรงขึ้น บังเกิดเป็นพายุหมุน พัดองค์รัชทายาทเซี่ยเหลืยนขึ้นไปคว้างอยู่กลางอากาศ เขาส่งรั่วเหยียออกจากข้อมือ ออกคำสั่งให้คว้าอะไรที่มั่นคง!!! รั่วเหยียทิ้งตัวลงไปเบื้องล่าง และปลายเชือกสีขาวกลับคว้าตัวซานหลางขึ้นมา!!!

บทความที่เกี่ยวข้อง