ท่ามกลางพายุมังกรหมุน รั่วเหยียพุ่งออกจากข้อมือรัชทายาทเป็นครั้งที่สอง และรัดฝูเหยากับหนานเฟิงขึ้นมามัดรวม พวกเขาทั้งสี่คนปลิวไปด้วยกัน ฝูเหยาโวยวายด่าริบบิ้นขาวไม่ขาดปาก องค์รัชทายาทปลอบให้พวกเขาอดทน และส่งรั่วเหยียไปยึดโขดหินขนาดมหึมาไว้ได้ ทุกคนจึงลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยและรีบเข้าไปหลบในโพรงถ้ำที่เห็นอยู่ข้างหน้าทันที
ภายในโขดหินเป็นโพรงถ้ำที่ถูกขุดไว้ มืด กว้าง สูง และลึก องค์รัชทายาทได้ถามผู้ช่วยทั้งสองคนว่าทำไมเขาไม่ใช้พลังเวทตอนโดนพายุทราย ฝูเหยาจึงกล่าวอย่างเดือดดาล เขาและหนานเฟิงมีสังกัดอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้กับทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อมาอยู่ต่างทิศเช่นนี้พลังเวทย่อมมีจำกัด
เมื่อเดินลึกเข้ามาในถ้ำ ได้เจอกับขบวนพ่อค้าที่เข้ามาหลบพายุทรายเช่นเดียวกัน ในขบวนมีเด็กชายตัวน้อยน่ารัก พูดจาฉะฉาน และมีคนท้องถิ่นเป็นชายหนุ่นชื่อ ‘อาเจา’ เป็นผู้นำทาง พ่อค้าแสดงความมั่นใจว่าถ้าผู้นำทางชำนาญพื้นที่ ไม่พาเข้าไปในตัวเมืองโบราณ พวกเขาก็จะไม่มีใครสูญหายแน่นอน ทุกคนจึงได้พักรอให้พายุทรายสงบ
องค์รัชทายาทนั่งพักบนก้อนหินจนซานหลางทักขึ้นเพราะสังเกตเห็นอักขระสลักอยู่บนหินก้อนนั้น องค์รัชทายาทอ่านภาษาป้านเยว่ได้เพราะเคยเป็นคนเก็บของเก่าในแคว้นนี้ ทำให้ฝูเหยาสงสัยว่าเขาไปเก็บของเก่ามากี่แห่งแล้ว?!! ซานหลางแสดงความสามารถในการอ่านภาษาป้านเยว่ได้เช่นกัน ส่วนเด็กชายนั้นสนใจใคร่รู้มาก ลุกมาร่วมวงฟังพวกเขาอ่านศิลาจารึกด้วยอีกคน ฝูเหยาและหนานเฟิงช่วยเสกเพลิงกรให้ความสว่างอยู่เบื้องหลัง
อักขระกล่าวถึงแม่ทัพจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งแท้จริงมียศแค่นายกอง คุมกองกำลังที่โดนลดขั้นลดจำนวนทหารลงเรื่อย ๆ เหตุเพราะขัดขวางการรบเป็นตัวถ่วงบ่อยครั้ง มักห้ามทหารทั้งสองฝ่ายไม่ให้ทำร้ายประชาชน และตายโดยการสะดุดเชือกรองเท้าตัวเอง ถูกทหารทั้งสองฝั่งรุมเหยียบจนแบน นายกองคนนี้แม้จะมีชื่อเสียงไม่ดีในกองทัพ แต่ชาวบ้านในแถบชายแดนนี้กลับรำลึกบุญคุณเขาจนทำศิลาจารึกไว้ให้ เหล่าพ่อค้าที่มาร่วมฟังหัวเราะเยาะความไม่เอาไหนของนายกอง
ซานหลางดูไม่พอใจจึงกล่าวหลอกพ่อค้า “จารึกนี้มีความอัศจรรย์ เพียงแค่ก้มคุกเข่าไหว้สามรอบ จะทำให้โชคดีเมื่อต้องข้ามทะเลทราย”
“ในจารึกนี้มีประโยคนี้ด้วยหรือ” องค์รัชทายาทถามเซียนหลางเมื่อเห็นพ่อค้าทั้งหมดคุกเข่าโขกศีรษะเคารพศิลาจารึกอย่างจริงจัง

ในตอนนั้นเองก็มีงูหางแมงป่องพุ่งเข้ามาในกลุ่มคน ซานหลางจับงูไว้อย่างว่องไว กดที่ลำคองูแน่น แต่ปลายหางของงูกลับกลายเป็นหัวงูฉกได้อีก แต่ไม่ไวไปกว่าซานหลาง
“งูหางแมวป่องนี้ เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวราชครูป้านเยว่”
ซานหลางกล่าวพลางหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัวงูแม้แต่น้อย บนพื้นกลับมีงูหางแมวป่องอีกหลายตัวเข้ามาล้อมรอบทุกคนไว้ ผู้ช่วยทั้งสองขององค์รัชทายาทได้ใช้เพลิงกรฟาดไปที่โพรงด้านหนึ่งเพื่อเปิดวงล้อมให้ทั้งหมดวิ่งหนีออกไปยังปากถ้ำ เมื่อออกมาพ้นแล้ว ด้านนอกพายุทรายสงบ แต่พ่อค้าคนหนึ่งในขบวนล้มหมดสติลงเพราะโดนงูกัดที่ข้อมือ
หนานเฟิงให้ยาบรรเทาพิษซึ่งสามารถยับยั้งได้เพียง 12 ชั่วยาม(24 ชั่วโมง)
ซานหลางแนะนำว่ามีหญ้าหอมในแคว้นโบราณสามารถนำมาถอนพิษได้ ในขณะที่ปรึกษาหารือกันอยู่นั้น งูหางแมงป่องตัวหนึ่งลอบเลื้อยพุ่งขึ้นมาหมายจะกัดซานหลาง องค์รัชทายาทได้คว้าหัวงูไว้ทันก่อนที่มันจะถึงตัวเด็กหนุ่ม แต่พลาดโดนหางงูฉกเข้าที่หลังมือ ซานหลางรีบใช้มีดกรีดแผลและดูดพิษงูให้เขาทันที ในช่วงที่ทุกคนละสายตาซานหลางกลับเปล่งประกายอำมหิตระเบิดซากงูตัวนั้นออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ทั้งหมดตกลงกันแยกคนออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมีองค์รัชทายาท ซานหลาง หนานเฟิง ให้อาเจานำทางไปยังแคว้นโบราณป้านเยว่ เพื่อเก็บหญ้าหอม ส่วนที่เหลือพักรออยู่ที่เดิมมีฝูเหยาอยู่ดูแลความปลอดภัย
กลุ่มค้นหาหญ้าหอม เดินทางถึงแคว้นโบราณป้านเยว่ในช่วงเย็น เพียงพ้นกำแพงเข้าไปส่วนในของตัวเมือง ก็พลันรู้สึกได้ว่ามีผู้ติดตาม ทั้งสี่คนแยกย้ายกันหลบซ่อนในบ้าน ทางเดินปรากฏสองร่างในชุดคลุมขาว ดำ ที่พวกเขาเจอกลางทะเลทรายเดินเข้ามาเหมือนเสาะหาตัวพวกเขาอยู่ องค์รัชทายาทและซานหลางที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน กำลังจะถูกค้นพบ!!!

บทความที่เกี่ยวข้อง